วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.ท.สมไช อนิวัตกูลชัย พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.อุดมสุข รับแจ้งพบชาย 2 ศพ บริเวณด้านหลังบริษัท ไทยโย เพ้นท์ ไทยแลนด์ รับเหมาก่อสร้างเลขที่ 131/79 ม.8 ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตประเวศ จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณข้างกำแพงหลังบริษัทเจ้าหน้าที่พบศพชาย 2 ศพ ศพแรกคือ นายสมยศ ปานิดกินนิด อายุ 16 ปี สภาพนอนคว่ำหน้า ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีแดงลายดอก ไม่ใส่รองเท้า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกไฟฟ้าช็อตเป็นรอยไหม้ที่หัวเข่าขวา เหนือหัวเข่าซ้าย และนิ้วเท้าซ้าย ห่างออกไปประมาณ 1 เมตร เจ้าหน้าที่พบศพนายสมชาย ปานิดกินนิด อายุ 17 ปี พี่ชายของนายสมยศ สภาพนอนหงายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินลายดอก ไม่ใส่รองเท้า มีบาดแผลถูกไฟฟ้าช็อต เป็นรอยสายไฟที่แผ่นหลังและต้นแขนขวา ถูกกระสอบบรรจุถ่านก่อไฟทับที่ไหล่ด้านซ้าย
จากการตรวจสอบที่กำแพงของบริษัท เจ้าหน้าที่พบร่องรอยที่ผู้ตายทั้งคู่ปีนเข้าไปก่อนเสียชีวิต และพบสายไฟหลากสีถูกตัดม้วนเก็บอย่างเรียบร้อยจำนวน 5 ม้วน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นแพทย์ระบุว่าทั้งคู่เสียชีวิตจากการถูกกระแสไฟฟ้าช็อตมาแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง
จากการสอบสวนนางจันทร์ นิดนิ่มนวลอายุ 38 ปี เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่บ้านอาศัยอยู่หลายคนทั้งญาติและลูกน้อง ส่วนใหญ่จะอยู่เฉพาะผู้หญิง โดยคนงานเพิ่งมาเจอศพผู้ตายทั้งสองเมื่อตอนเช้าจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ นายเสนาะ ปานิดกินนิด อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/2 ม.8 แขวงและเขตประเวศ ปู่ของผู้ตายทั้งสองคน ให้การว่า ผู้ตายทั้งสองคนเป็นหลานตน โดยนายสมชายผู้เป็นพี่พิการเป็นใบ้และหูหนวก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองพักอาศัยอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าอยู่กับพ่อที่ทำอาชีพแยกขยะอยู่ที่ห้างซีคอนสแควร์ เพื่อแยกเก็บเอาขวดพลาสติกไว้ขาย ส่วนเด็กทั้งสองจะเก็บของเก่าขายเป็นประจำ ตนก็รู้สึกเสียใจที่หลานชายสองพี่น้องนี้ต้องมาตายพร้อมกันตั้งแต่อายุยังน้อย
ด้าน พ.ต.ท.สมไช กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองรายถูกฆาตกรรมหรือประสบเหตุถูกไฟช็อตเอง เนื่องจากที่เกิดเหตุไม่พบสายไฟที่ช็อตผู้ตายทั้งสอง เชื่อว่าน่าจะมีคนมาดึงสายไฟที่ช็อตผู้ตายทั้งสองออกไป
อย่างไรก็ตามจะต้องเรียกเจ้าของบ้านรวมถึงคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาที่มาที่ไปให้ชัดเจน หากจงใจปล่อยกระแสไฟไว้ก็ถือว่ามีความผิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น